ลีลาวดี

as_ลีลาวดี (1).jpg
as_ลีลาวดี (3).jpg

ชื่อวิทยาศาสตร์: Plumeria spp.

ชื่อสามัญ: Plumeria, Frangipani, Temple tree

วงศ์: ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยระย่อม (RAUVOLFIOIDEAE)

ชื่อท้องถิ่นอื่น: จำปา, จงป่า (กาญจนบุรี), จำปาลาว (ภาคเหนือ), จำปาขาว (ภาคอีสาน), จำปาขอม (ภาคใต้), ไม้จีน (ยะลา), มอยอ (นราธิวาส), จำไป (เขมร)

เป็นต้นไม้ที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายเพราะออกดอกตลอดปี เลี้ยงดูง่าย และสีของดอกลีลาวดีนั้นยังมีสีสันสดใส สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ขาว เหลืองอ่อน ชมพู แดง ฯลฯ ซึ่งบางดอกอาจจะมีมากกว่า 1 สีก็ได้ และดอกลั่นทมยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศลาวอีกด้วย

ประวัติดอกลีลาวดี เดิมทีแล้วต้นลั่นทมเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากเขมร ซึ่งมีชื่อเดิมว่า "ต้นขอม" เล่ากันว่ามีการนำเข้ามาปลูกในไทย เมื่อครั้งไปตีนครธมจนได้รับชัยชนะ แล้วได้มีการนำต้นไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูก และเรียกชื่อเป็นที่ระลึกว่า "ลั่นธม" โดยคำว่าลั่นนั้นแปลว่า ตีฆ้อง ลั่นฆ้อง ลั่นกลอง ส่วนคำว่าธมนั้นมาจากคำว่า "นครธม" จึงเป็นที่มาของชื่อลั่นธม และเพี้ยนกลายมาเป็น "ลั่นทม" ในปัจจุบัน โดยมีผู้รู้ด้านภาษาไทยได้กล่าวถึงความหมายของลั่นทมไว้ โดยมีความหมายว่า "การละแล้วซึ่งความทุกข์ความโศกเศร้าและมีความสุข" เพราะคำว่า ลั่น นั้นมีหมายว่า แตกหัก ละทิ้ง ส่วนคำว่า ทม ก็หมายถึงความทุกข์โศก 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น ไม้ยืนต้น ลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 20-25 เซนติเมตร ลำต้นสีเทา ผิวลำต้นตะปุ่มตะป่ำ

ใบ ใบเดี่ยว การเรียงของใบร่างแหแบบขนนก ใบรูปใบหอก ปลายใบติ่งแหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ เนื้อใบคล้ายเยื่อ ใบเรียงแบบวงรอบ ด้านบนแผ่นใบเกลี้ยง ใบด้านบนสีเขียวเข้ม ท้องใบสีเขียว ใบอ่อนสีเขียวอ่อน ใบแก่สีเขียวเข้ม ใบกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร

ดอก ดอกช่อแยกแขนง กลีบอกในตาดอกเรียงซ้อนเหลื่อมกัน ดอกสมมาตรด้านข้าง วงกลีบดอกเชื่อมติดกันแบบดอกเข็ม กลีบดอกสีขาวเหลือง กลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวผู้ 5 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน

ผล ผลแห้งแก่แตก ฝักแบบถั่ว แตกตามรอยประสาน ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีแดง ผลแก่สีแดงถึงดำ ผลกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร

เมล็ด มีลักษณะแบน มีเมล็ดประมาณ 25-100 เมล็ดต่อฝัก เมล็ดมีปีกติดด้านใดด้านหนึ่งของเมล็ด

การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปักชำ การติดตา

การใช้ประโยชน์

  • เนื้อใบเป็นยาแก้ไอ ยาถ่าย ขับพยาธิ

  • ไม้ประดับ

เนื่องจากทุกส่วนของต้นลีลาวดีจะมียางสีขาวขุ่นซึ่งเป็นพิษ โดยสารที่เป็นพิษคือกรด Plumeric acid ถ้าหากสัมผัสยางจะทำให้เกิดผื่นคันตามผิวหนัง ผิวหนังอักเสบบวมแดง และต้นลีลาวดีนี้กิ่งยังเปราะและหักง่ายอีกด้วย จึงไม่เหมาะที่จะปลูกไว้ในบ้านที่มีเด็กซุกซนอยู่เท่าไหร่นัก

ข้อมูลอ้างอิง:

https://medthai.com/ลีลาวดี/

http://srdi.yru.ac.th/bcqy/page/ลีลาวดี.html

Pusadee Kitisopakul