ขันทอง / ขันทองพยาบาท
ชื่อวิทยาศาสตร์: Suregada multiflora (A.Juss) Baill.
ชื่อวงศ์: Euphorbiaceae
ชื่อท้องถิ่นอื่น ยางปลวก ยางปลอก ยายปลวก ฮ่อสะพานควาย (แพร่, น่าน), ทุเรียนป่า ไฟ (ลำปาง), ขุนตาก ข้าวตาก (กาญจนบุรี), ขันทองพยาบาทเครือ ขัณฑสกร ช้องลำพัน สลอดน้ำ (จันทบุรี), มะดูกดง (ปราจีนบุรี), ขันทอง (พิษณุโลก), ดีหมี (พิษณุโลก, อุตรดิตถ์), ขันทองพยาบาท ดูดหิน (สระบุรี), ดูกใส ดูกไทร ดูกไม้ เหมือนโลด (เลย), ดูกไหล (นครราชสีมา), ขนุนดง ขุนดง (หล่มสัก-เพชรบูรณ์), ข้าวตาก ขุนทอง คุณทอง (ประจวบคีรีขันธ์), ขอบนางนั่ง (ตรัง), มะดูกเหลื่อม(ภาคเหนือ), มะดูกเลื่อม (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), ขันทองพยาบาท มะดูก หมากดูก (ภาคกลาง), กะดูก กระดูก(ภาคใต้), หมากดูด (ไทย), เจิง โจ่ง (ส่วย-สุรินทร์), มะดูกเลี่ยม, เหมือดโรค, ป่าช้าหมอง, ยายปลูก
ต้น มีเขตการกระจายพันธุ์ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแถบประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดจีน และในคาบสมุทรมลายู จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 7-13 เมตร ลำต้นตั้งตรง เป็นทรงพุ่มแน่นทึบ แตกกิ่งก้านค่อนข้างกลม กิ่งก้านอ่อนและห้อยลู่ลง ที่กิ่งจะมีขนรูปดาว เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลแก่และแตกเป็นร่องแบบตื้น ๆ ตามยาว เนื้อไม้เป็นสีขาว
ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด มักขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ตามป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 600 เมตร
ใบ ใบหนาแข็งและดกทึบ โดยใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูปหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบแหลม ส่วนขอบใบจักเป็นซี่ฟัน ใบมีความกว้างประมาณ 3-8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 9-22 เซนติเมตร เนื้อใบมีลักษณะหนาเหนียวคล้ายแผ่นหนัง หลังใบเรียบลื่นเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบและมีสีอ่อนกว่า ผิวใบด้านล่างมีต่อมสีเหลืองและมีขนเป็นรูปดาว มีเส้นใบข้าง 5-9 คู่ มีก้านใบยาวประมาณ 2-5 มิลลิเมตร ส่วนหูใบมีขนาดเล็กประมาณ 2 มิลลิเมตร แต่ละคู่เชื่อมกัน หลุดร่วงได้ง่าย และจะทิ้งแผลเป็นวงไว้
ดอกขันทองพยาบาท ดอกมีกลิ่นหอมสีเขียวอมสีเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบ ขนาดประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร ในช่อดอกจะมีดอกอยู่ประมาณ 5-10 ดอก อยู่ตรงข้ามกับใบ ดอกมีใบประดับลักษณะเป็นรูปหอกปลายแหลมยาวประมาณ 1 มิลลิเมตรและกว้างประมาณ 0.7-0.8 มิลลิเมตร ส่วนดอกจะเป็นแบบแยกเพศแยกต้นและไม่มีกลีบดอก โดยดอกเพศผู้จะมีขนาดประมาณ 2.5 มิลลิเมตร และมีเกสรเพศผู้ประมาณ 35-60 ก้าน แต่ละอันจะมีต่อมอยู่ที่ฐาน ฐานรองดอกนูนพองออก และอาจพบเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันปะปนอยู่ด้วย ส่วนดอกเพศเมียจะมีลักษณะเหมือนกับดอกเพศผู้ แต่จะมีรังไข่เหนือวงกลีบ มีขนอยู่หนาแน่น มีรังไข่ 3 ช่อง รังไข่มีขนละเอียดและมีหมอนรองดอก มีก้านเกสรเพศเมีย 3 ก้าน ก้านดอกยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร กลีบรองดอกหนามี 5 กลีบ โคนเชื่อมกันเล็กน้อยและขอบจักเป็นซี่ฟัน โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
ผลขันทองพยาบาท ผลมีลักษณะเกือบกลม ผิวผลเกลี้ยง มีขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลืองอมส้ม แตกตามพู มีพู 3 พูและมีติ่งเล็ก ๆ อยู่ที่ยอด ภายในผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 3 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างกลม มีขนาดประมาณ 7-8 มิลลิเมตร เมล็ดเป็นสีน้ำตาลเข้มและมีเนื้อบาง ๆ สีขาวหุ้มเมล็ดอยู่ โดยจะติดผลในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
ประโยชน์ของขันทองพยาบาท
เนื้อไม้มีพิษทำให้เมา ใช้สำหรับเป็นยาเบื่อ
เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเครื่องมือใช้สอยหรือนำมาใช้ทำเครื่องจักสานได้
ต้นขันทองพยาบาทมีลักษณะทรงพุ่มสวยงาม ใบเป็นมัน ผลสุกมีสีสันสะดุดตา และดอกยังให้กลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือใช้ปลูกเป็นฉากหลังแบบกลุ่ม ๆ
รูปภาพและข้อมูลอ้างอิง https://medthai.com/ขันทองพยาบาท/